ตำนาน “ดอกอัลมอนด์ สีชมพู” ดอกไม้วันวาเลนไทน์ที่แท้จริง
ถ้าพูดถึงสัญลักษณ์ของ “วันวาเลนไทน์” หรือวันแห่งความรักของผู้คนทั่วโลก ทุกคนคงอาจจะนึกถึงดอกกุหลาบ หรือเทพเจ้าคิวปิดที่กำลังแผลงศรรัก แต่จริงๆ แล้ว ดอกไม้วาเลนไทน์กลับกลายเป็นดอกอัลมอนด์สีชมพู ดังนั้น ดอกกุหลาบจึงเป็นเพียงดอกไม้ที่ผู้คนให้ความนิยมมอบให้กันในวันวาเลนไทน์เท่านั้นเอง
ซึ่งที่มาที่ไปของสัญลักษณ์ดังกล่าว มีตำนานที่เล่าขานต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยกรุงโรมหรืออาณาจักรโรมัน ซึ่งปกครองภายใต้จักรพรรดินามว่าคลอดิอุสที่ 2 มี นิสัยชอบรังแกผู้อื่นอยู่เป็นประจำ เช่น บังคับประชาชนที่เป็นชาวโรมันให้สักการะพระเจ้าถึง 12 องค์ และห้ามมีความเกี่ยวข้องผูกพันธ์ใดๆ กับชาวคริสเตียน หากต่อต้านจะได้รับโทษหนัก
Cr. christianity.com
แต่แล้วก็มีนักบุญชาวโรมันคนหนึ่งที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระคริสต์เป็นอย่างมาก นามว่า วาเลนตินุส (Valentinus) มักชอบแอบจัดงานแต่งให้กับคู่รักชาวคริสเตียนอยู่เสมอ ความต่อต้านนี้ส่งผลให้เขาถูกจับได้และถูกลงโทษอย่างสาหัสในคุก
ช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อนที่วาเลนตินุสจะถูกประหารชีวิต ผู้คุมขังได้ขอร้องให้เขาช่วยสอนจูเลียผู้เป็นลูกสาว โดยวาเลนตินุสได้สอนประวัติศาสตร์ การคิดคำนวณ รวมถึงเล่าเรื่องพระเจ้าจนเธอเชื่อในตัวพระเจ้าและวาเลนตินุสอย่างมาก
วันหนึ่งจูเลียได้เอ่ยถามวาเลนตินุสว่า “หากเราอธิษฐานต่อพระเจ้า ท่านจะทรงได้ยินเราไหม” วาเลนตินุสตอบกลับว่า “พระเจ้าได้ยินพวกเราทุกคนแน่นอน” จากนั้นเธอจึงคุกเข่า กุมมือ หลับตาอธิษฐานขอพร และเกิดสิ่งที่ที่ไม่คาดคิดและอัศจรรย์ใจอย่างมาก นั่นก็คือ เมื่อจูเลียลืมตาขึ้นเธอกลับมองเห็นได้ปกติ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวขานไปทั่วราชอาณาจักร ณ เวลานั้น
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 วันที่วาเลนตินุสถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะก็มาถึง ร่างของเขาถูกเก็บไว้ ในโบสถ์ทราซีเดส ณ กรุงโรม และใกล้ๆ หลุมศพของเขานั้น จูเลียได้ปลูกต้นอัลมอนด์สีชมพูไว้เพื่อเป็นการระลึกถึงวาเลนตินุสผู้เป็นที่รัก จนกลายเป็นตัวแทนแห่งความรักและมิตรภาพที่คงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์นั่นเองค่ะ
สั่งช่อดอกไม้วาเลนไทน์สวยๆ เป็นสื่อบอกรักได้ทุกวัน สั่งเลย
