ย้อนรอยอดีต วัฒนธรรมการให้ดอกไม้ที่ฝังลึกจนยากจะเลิกทำ!
โลกของเรากำเนิดขึ้นมา 4,500 ล้านปีก่อน ส่วนมนุษย์อาจจะเริ่มมีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ 280,000 ถึง 350,000 ปีก่อน ในเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ ทำให้เรามีวัฒนธรรมและประเพณีต่าง ๆ มากมายที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งที่เลิกทำไปแล้ว และยังทำอยู่ หนึ่งในนั้นคือการให้ดอกไม้เพื่อแทนความรู้สึกต่าง ๆ นั่นเอง
มีใครเคยสงสัยไหมคะว่าทำไมดอกไม้ถึงได้กลายมาเป็นสื่อกลางของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกชอบ รัก มิตรภาพ ความเสียใจ การขอโทษ หรือแม้แต่ความเกลียดชัง และยังใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก อย่างที่เรารู้กันดีว่าดอกไม้นั้นมีความสวยงาม อีกทั้งยังสามารถสื่อความหมายที่แตกต่างกันไปได้หลายแง่มุม ซึ่งก็มีทั้งความหมายที่ดีและไม่ดีขึ้นอยู่กับว่าผู้ให้นั้นต้องการสื่อความหมายแบบใด จนถึงขนาดมีตำราว่าด้วยภาษาดอกไม้ขึ้นมาเลยก็มี ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจถึงที่มาที่ไปของการให้ดอกไม้แก่กันและกันมากยิ่งขึ่นว่าเริ่มมาจากที่ใด ทำไมต้องให้ดอกไม้ วันนี้ร้านดอกไม้ A flower room จะพาทุกคนย้อนเวลาตามหาจุดเริ่มต้นกันค่ะ
จุดเริ่มต้นการสื่อความรู้สึกผ่านการให้ดอกไม้
ย้อนกลับไปในยุคกรีกโบราณ ชาวกรีก ชาวโรมัน ชาวอียิปต์ และชาวจีน มีการใช้ดอกไม้สื่อความหมายในวาระต่าง ๆ ด้วยความเชื่อว่าดอกไม้มีความพิเศษที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าในตำนานของกรีกนั่นเอง โดยมีหลักฐานว่าการให้ดอกไม้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมาตั้งแต่ยุคกลางเรื่อยมา แต่ยุคสมัยที่ผู้คนมักนิยมบอกความในใจ และมอบดอกไม้ให้กันแทนของขวัญเป็นช่วงกลางทศวรรษที่ 1700
ตอนนั้นชาวฝรั่งเศสและอังกฤษกลุ่มหนึ่งได้เดินทางไปเยือนประเทศตุรกี พวกเขาได้ค้นพบรหัสลับที่แฝงอยู่ในดอกไม้ โดยมีผู้คิดค้นเป็นสาวชาวตุรกีซึ่งมีการส่งข้อความต่าง ๆ โดยใช้ดอกไม้เป็นตัวแทนให้เธอได้สื่อสารกับคนในฮาเร็มอย่างราบรื่น ไม่ถูกยามจับได้ นี่จึงถือได้ว่าผู้ริเริ่มในการมอบภาษาให้ดอกไม้คือชาวตุรกีนั่นเอง
เมื่อทั้งคู่เดินทางกลับประเทศก็ได้นำพาภาษาดอกไม้นี้กลับไปยังบ้านเกิดของตัวเอง และพัฒนาปรับปรุงให้เข้ากับวัฒนธรรมของตัวเองมากขึ้นจนเริ่มแพร่หลาย ก่อนจะกระจายไปยังมุมต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก ทำให้ภาษาดอกไม้ กลายเป็นภาษาสากลที่ผู้คนเลือกใช้นับตั้งแต่นั้นมา
แต่ช่วงนี้มีการใช้ภาษาดอกไม้แพร่หลายสุด ๆ นั้นเกิดขึ้นในสมัยวิคตอเรียน เนื่องจากชาววิคตอเรียในยุคนั้นไม่กล้าสื่อสารความรู้สึกกันอย่างตรงไปตรงมา เพราะการแสดงออกให้ผู้อื่นรับรู้ถึงความรู้สึกและอารมณ์อย่างโจ้งแจ้งนั้นถือเป็นเรื่องหยาบคาย ไม่ควรทำ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเลือกใช้ดอกไม้เป็นตัวแทนในการสื่อความรู้สึกในหัวใจแทนการพูดออกมา และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำให้ชาววิคตอเรียทุ่มเทความพยายามในการคิดค้นความหมายของดอกไม้จากสีของดอกไม้ หรือแม้กระทั่งตำแหน่งในการปลูกดอกไม้ล้วนมีส่วนในการสร้างความหมายให้กับดอกไม้ชนิดต่าง ๆ ถึงขั้นที่ว่ามีการสร้างหนังสือที่รวบรวมดอกไม้สายพันธุ์ต่าง ๆ เอาไว้ เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้ว่าการให้ดอกไม้นั้นสามารถสื่อความหมายใดได้บ้าง หรือเพื่อให้ผู้รับได้ถอดรหัสลับจากดอกไม้ ว่าดอกไม้ที่ตนได้รับมา มีความหมายแฝงว่าอย่างไร แต่เนื่องจากว่าพจนานุกรมภาษาดอกไม้เหล่านี้ถูกแต่งขึ้นโดยผู้เขียนคนละคน และแต่งขึ้นคนละช่วงเวลา ทำให้แม้จะเป็นดอกไม้สายพันธุ์เดียวกัน และมีสีเดียวกัน อาจมีความหมายที่ต่างกันออกไปได้อย่างหลากหลาย หรือแม้แต่เป็นดอกไม้ชนิดเดียวกันแต่เมื่ออยู่คนละประเทศก็มีความหมายที่ต่างกันแล้วค่ะ ดังนั้นหากจะให้ดอกไม้ใคร ก็อาจจะต้องเช็กสักนิดหนึ่งว่าในประเทศนั้น ๆ ที่คุณอาศัยอยู่ ดอกไม้ที่ต้องการให้มีความหมายว่าอย่างไร จะได้ไม่เกิดการผิดใจกันทั้งผู้ให้และผู้รับค่ะ
ภาพวาด Portrait of an elegant lady
ตัวอย่างภาษาดอกไม้สุดฮิต
- ดอกกุหลาบ หมายถึง ความรัก มักใช้แสดงออกถึงความรักที่ผู้ให้มีต่อผู้รับ แต่กุหลาบแต่ละสีก็มีความหมายที่ต่างกันออกไป เช่น สีแดง หมายถึงรักร้อนแรง, สีชมพู หมายถึงรักที่อ่อนหวาน, สีขาว หมายถึงรักบริสุทธิ์ เป็นต้น
- ดอกคาร์เนชัน หมายถึง การเฉลิมฉลอง ซึ่งบนโลกนี้มีคาร์เนชันอยู่หลายสี โดยสามารถเลือกให้ตามความหมายของสีต่าง ๆ ได้ เช่น สีแดง หมายความว่าคุณอยากได้รับความรักจากเขาหรือเธอ, สีชมพู หมายถึงความรักที่กำลังผลิบาน, สีขาว หมายถึงความรักบริสุทธิ์ และคำขอบคุณ เป็นต้น
- ดอกลิลลี่ หมายถึง ความรัก ความหวัง และจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ โดยสามารถแบ่งความหมายตามสีต่าง ๆ ได้เพิ่มเติม ดังนี้ สีขาว หมายถึงความรักที่บริสุทธิ์และจริงใจ, สีชมพู หมายถึงการค้นพบความรักที่ดีที่สุด, สีส้ม หมายถึงความสุขใจที่ได้อยู่ใกล้กัน เป็นต้น
- ดอกเยอบีร่า หมายถึง ความเข้มแข็ง และความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
- ดอกไฮเดรนเยีย หมายถึง คำขอบคุณ อีกทั้งยังมอบให้ในเชิงตัดพ้อ เพื่อบอกว่าผู้รับนั้นช่างเป็นคนที่มีหัวใจเย็นชาได้อีกด้วย
- ดอกคัตเตอร์ หมายถึง ความรักที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แม้คุณจะมองไม่เห็นฉัน แต่ฉันจะมีแต่คุณเสมอ
- ดอกไลเซนทัส หมายถึง มิตรภาพที่ยั่งยืน และการแสดงความเอาใจใส่
แม้ในอดีตจะมีการเขียนไว้ในประวัติศาสตร์ของชาวอเมริกันว่า ผู้หญิงไม่สมควรมอบดอกไม้ให้ดอกไม้ผู้ชายก่อนเพราะจะดูไม่งาม และเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แต่ในปัจจุบันเราสามารถมอบดอกไม้ให้ใครก็ได้ จะผู้ชายให้ดอกไม้ผู้หญิง หรือผู้หญิงให้ดอกไม้ผู้ชายก็ไม่ใช่เร่องแปลก เพราะการมอบดอกไม้ให้กันถือเป็นเรื่องที่ดีในทุก ๆ ประเทศเกือบทั่วโลก ดังนั้นสาว ๆ คนไหน หรือแม้แต่หนุ่ม ๆ เองก็ตามที่ลังเลว่าซื้อดอกไม้ให้ผู้ชายแล้วจะแปลกไหม เราขอตอบให้ตรงนี้เลยว่าไม่แปลกค่ะ ถ้าอยากให้ดอกไม้ใครก็ให้เลยอย่าลังเล เพราะการทำให้ผู้รับยิ้มได้คือเรื่องที่สำคัญที่สุด
วัฒนธรรมการมอบดอกไม้เป็นของขวัญ ถือเป็นวัฒนธรรมดี ๆ ที่ควรมีอยู่ต่อไปว่าไหมคะ จากเรื่องราวที่ทางเราได้นำมาแบ่งปันให้กับทุกคน จะเห็นได้ว่าเรื่องราวต่าง ๆ นั้นล้วนมีที่มา และแฝงไปด้วยเรื่องราวมากมายกว่าจะมาเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าในทุกวันนี้ หากลูกค้าท่านใดกำลังมองหาช่อดอกไม้เพื่อเป็นสื่อกลางแทนความรู้สึก สามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าต่าง ๆ จากทางร้านของเราได้ผ่านทาง www.aflowerroom.com รับรองได้เลยค่ะว่าช่อดอกไม้ทุกช่อล้วนคัดสรรและพร้อมเป็นตัวแทนสื่อความหมายได้ตรงใจคุณอย่างแน่นอนค่ะ