วิธีดูฤกษ์แต่งงานด้วยตนเองง่าย ๆ ไม่ต้องพึ่งใคร

หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่เมื่อความรักสุกงอมได้ที่ ก็ถึงเวลาเข้าพิธีแต่งงานกันเป็นกิจลักษณะ สำหรับใครที่สู่ขอหรือหมั้นกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องทำ คือ ดูฤกษ์งามยามดีนั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้วนิยมให้ผู้เชี่ยวชาญ หรือพระเป็นผู้ดูให้ แต่สำหรับคู่รักคู่ไหนที่ไม่ถือเรื่องฤกษ์ หรืออยากประหยัดค่าใช้จ่ายก็สามารถดูฤกษ์ได้ด้วยตนเอง โดยยึดหลักตามความเชื่อในวันที่ไม่ควรแต่งงานที่มีมาแต่โบร่ำโบราณ จะมีวันไหนบ้างนั้น ตามร้านดอกไม้ A Flower Room กันมาเลยค่ะ

วันที่ไม่ควรแต่งงาน

วันอังคาร : เนื่องจากเป็นวันที่ค่อนข้างขลัง คนโบราณมักจัดให้วันนี้เป็นวันทำพิธีเกี่ยวกับเครื่องรางของขลังกัน

วันพุธ : คนโบราณเชื่อกันว่าเป็นวันที่ดาวพุธโคจรไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่งผลให้เจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวเกิดความลังเลไม่แน่นอน จนอาจนำไปสู่ปัญหาการนอกใจ และหย่าร้างกันได้

วันพฤหัสบดี : คนโบราณนับว่าเป็นวันครู และส่งผลให้มีความเชื่อว่า หากแต่งวันนี้ฝ่ายชายจะแพ้ทางฝ่ายหญิง และความเชื่ออีกอย่างหนึ่งคือ อาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอกใจเป็นต้น

วันเสาร์ : คนโบราณได้บรรยัติสำนวนหนึ่งขึ้นมาอย่าง “วันศุกร์ห้ามเผา วันเสาร์ห้ามแต่ง” โดยมีความเชื่อว่า วันเสาร์เป็นวันทุกข์โทษ เป็นวันที่ค่อนข้างแรง หากจัดงานแต่งอาจทำให้ชีวิตเจอแต่อุปสรรค และครอบครัวอาจไม่มีความสุข

วันข้างขึ้น ข้างแรม :

วันอาทิตย์ ข้างขึ้น / ข้างแรม 12 ค่ำ
วันจันทร์ ข้างขึ้น / ข้างแรม 11 ค่ำ
วันอังคาร ข้างขึ้น / ข้างแรม 7 ค่ำ
วันพุธ ข้างขึ้น / ข้างแรม 3 ค่ำ
วันพฤหัสบดี ข้างขึ้น / ข้างแรม 6 ค่ำ
วันศุกร์ ข้างขึ้น/ ข้างแรม 12 ค่ำ
วันเสาร์ ข้างขึ้น/ ข้างแรม 12 ค่ำ

เดือนข้างขึ้น / ข้างแรม :

เดือน 1 และเดือน 4 ข้างขึ้น/ ข้างแรม 2 ค่ำ
เดือน 2 และเดือน 11 ข้างขึ้น/ ข้างแรม 12 ค่ำ
เดือน 3 ข้างขึ้น/ ข้างแรม 4 ค่ำ
เดือน 5 และเดือน 8 ข้างขึ้น/ ข้างแรม 3 ค่ำ
เดือน 7 และเดือน 10 ข้างขึ้น/ ข้างแรม 8 ค่ำ
เดือน 9 และเดือน 12 ข้างขึ้น/ ข้างแรม 10 ค่ำ

วันพระ :

เป็นความเชื่อมาตั้งแต่โบราณแล้วว่า วันพระนั้นพระท่านต้องอยู่ประกอบพิธีทางศาสนาที่วัด และชาวพุทธต่างต้องถือศีล 8 ซึ่งพิธีแต่งงานถือว่าเป็นวันที่สร้างกิเลส มีการส่งตัวเข้าห้องหอ และหลับนอน มีการถูกเนื้อต้องตัวกันแน่นอน ดังนั้น จึงไม่ควรจัดงานแต่งในวันพระนั่นเองค่ะ